ตะลอนทัวร์คลอดทริปใหม่

ปีใหม่นี้ จะฉลองปีใหม่กันที่ไหน ที่แน่แน่ พวกสมาชิกตะลอนทัวร์เตรียมเก็บกระเป๋ากันได้แล้ว เมื่อครั้งก่อนไปเที่ยวคลองวาฬ ข้าน้อยทำผิดอย่างแรงทิ้ง สองป้าให้เดินหลงทางกลับที่พัก ใครจะไปคิดล่ะว่า ไอ้แค่ 200 ม.ตรง ๆ ท่านพี่จะหลงทาง ก็ประสบการณ์ย่ำมาแล้วรอบโลก ก็น่าจะไม่หลง แต่ผิดครับหลงครับท่าน ได้ข่าวว่าคราวนี้ จะหอบหิ้วเอาผู้อำนวยการโรงเรียนไปหลงอีกคน นี่ถ้าประวัติศาสตร์ซ้ำรอย พากันหลงเหมือนเมื่อคราวก่อน สงสัยต้องเตรียมหางานใหม่กันได้เลย เรียกว่ากลับมาตัวใครตัวมัน ฮิฮิฮิ มีต่อ

วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2551

เที่ยวเว้กับครูอาร์ม (เวียตนาม)

เงินทองของนอกกายถ้าไปเว้ เรื่อง:

ภาพ พัศสรรค์ รักษ์มีธรรม
จุดประกายภารกิจแบกเป้เที่ยวเว้ ต้องยกเครดิตให้นิตยสาร F Chic Female Travel Magazine เล่มที่ไปเวียตนาม กับ มล.อรณิช กิตติยากร เล่มนั้นล่ะ เรียกเสียงฮือฮาจากเพื่อนๆ อยากให้ไปกัน
“ 5 วัน 6,000 บาท ผ่านลาวเข้าเว้-ดานัง-ฮอยอัน” เพื่อนเต่า หัวหน้าทริป ผู้ที่เคยไปย่ำต๊อกมาแล้วบอก
“ค่ารถไป-กลับ ค่าที่พัก 4 ดาว ค่าอาหาร ค่าเช่ารถเที่ยว 5 วัน น้ำมัน และค่าด่านผ่านแดน แต่ไม่รวมค่า
ช้อปปี้งนะ...จ่ายใครจ่ายมัน” เพื่อนเต่าอธิบายซ้ำทันทีเมื่อเห็นลูกทัวร์หยิบเครื่องคิดเลขมากด...มือระวิง
เอาล่ะซิ...ข้อเสนอเกินห้ามใจ ลูกทัวร์เลยหน้าบานรีบรวบรวมพลพรรครักของถูกได้ 7 คนพอดิบพอดี
ลุย............................
ล้อหมุนที่หมอชิตสองตอนเที่ยงคืน ถึงเช้าเข้าสู่ จ.มุกดาหาร เมื่อฝากท้องกับอาหารเช้า แถวตลาดอินโดจีน แต่ยังไม่วายเหล่ตาเดินดูสินค้าราคาถูกระลานตาข้างทางก็มีพรายกระซิบ
“ของในเวียตนามถูกมาก ราคาต่อได้เกินครึ่ง ซื้อที่นู้นดีกว่า เชื่อดิ...”
แค่นี้ล่ะ...พลพรรคนักช้อปก็หูผึ่ง รีบนั่งเรือข้ามแม่น้ำโขง เข้าฝั่งลาว ขึ้นท่าที่สะหวัตนะเขตทันที
เมื่อทำบัตรผ่านแดน เช็คพลาสปอร์ตเสร็จ เสียค่านู้นค่านี้ยิบย่อย ธรรมเนียมสารพัดแบบนี้มียันด่านเข้า
เวียตนามเลย ชาวคณะได้แต่ทำตาปริบๆ พูดอะไรมากไม่ได้ เพราะอยากเข้าเมืองเขานี่นาไม่จ่ายก็เรื่องเยอะเปล่าๆ
ดีนะที่ได้ค่ารถตู้แบบเหมารวม ที่ติดต่อในฝั่งลาวมีคนขับให้พร้อม 5 วัน ราคา 10,000 บาท ค่าน้ำมันอีก 3,000 บาท ทำให้ทริปนี้ไม่ต้องตาลีตาเหลือกหารถต่อให้วุ่นวาย ชาวคณะต่างปรีดาหน้าชื่น
“แหม...ทีแรกนึกว่าจะเที่ยวแบบโลโซ แต่พอมีรถตู้บริการ นอนแอร์ทุกคืน ไฮโซทันตาเห็น” ใช้เวลาหนึ่งวันเต็มกว่าจะหลุดจากสะวันเขต ลาวเข้าเวียตนาม ตามเส้นทางอินโดจีน ระยะทางกว่า 600 กิโลเมตร กับความเร็ว 80 ไมล์/ชั่วโมง แสน.....จะอึดอัดใจ... นี่ถ้าเป็นเมืองไทยระยะทางแค่ กทม.ไป เชียงใหม่ เหยียบเข้าไปเลย 120 ไมล์ขำขำ ไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงแล้ว แต่ที่นี่กฎหมายเขาคุมเข้มกว่าของไทยมาก
เอ้า......น่า....เลือกอยากมาทางรถเองนี่น่า บ่นไปก็เท่านั้น ดีนะที่ได้ทิวทัศน์สวยๆ พักสายตาไปตลอด ทาง ตั้งแต่เข้าเวียตนาม เลียบภูเขา ป่าสน ดอยสูง น้ำตกและลำคลอง ลัดเลาะไปตามเทือกเขา เนินสูงต่ำที่มีตึกและบ้านสวยๆ สีสดใส สไตล์จีนและยุโรป แถมอากาศดีมากๆ จนอดใจแวะถ่ายรูปไม่ได้
เข้าเมืองเว้มาก็ดึกแล้ว หาที่พักระดับ 4 ดาวได้ในราคา 10 เหรียญ (340 บาท) ทั้งแอร์ น้ำอุ่น พร้อมเคเบิ้ล
เช้าตื่นมา หลังจากกินอาหารในร้านเรสเตอรองแล้ว แหม..บางคนอาจจะคิดว่าติดหรู แต่บอกตามตรงว่ามาเวียตนาม ต้องเลือกกินอาหารในภัตตาคารหรือร้านสวยๆ ที่มีป้ายบอกราคาเท่านั้น เพราะเคยลองมาหลายที่แล้ว นั่งกินริมฟุตปาทหรือในตลาดแบบชาวบ้านเขากินกัน ถูกฟันราคาโกงขึ้นไปอีก 2-3 เท่า ทั้งๆที่ตกลงราคากันแล้วนะ อย่างกรณี “คุณป้าพับแบงค์” ที่ขายเฝอหมูหน้าโรงแรมที่พวกเราไปพักเป็นตัวอย่าง
“ป้า..เฝอหมู..ชามเท่าไหร่” ถามเพราะอยากรู้ราคาก่อนกิน ซึ่งเป็นธรรมเนียมคนต่างด่าวเข้าถิ่นอยู่แล้ว
“ 10,000 ด่อง (20 บาท) เท่านั้นเองจ๊ะ” ป้าวัย 60 กว่า หยิบแบงค์หมื่นด่องขึ้นมาให้ดู เพื่อยืนยันราคา
“งั้นเอา..สามชามนะ” เมื่อสั่งเสร็จก็ก้มหน้าก้มตากินกันไป รสชาติก็ใช่ได้..อร่อยดี..แล้วเรียกเช็คบิล
“สามชาม 50,000 ด่อง ค่ะ” แค่นั้นล่ะ..ปัญหาโกลาหลก็ตามมา..แถมคุณป้าด่าเป็นภาษาเวียตนามอีก
ที่ราคาขึ้นทันตาเห็นเพราะเธอบอกว่าราคานักท่องเที่ยวอีกราคาหนึ่ง แน่ะ..มีอย่างนี้ด้วย ที่หยิบ 10,000 ด่องขึ้นมา แกพับไปอีกครึ่งหนึ่ง คือราคา 5,000 ด่อง คุณผิดเองที่ไม่ทันมอง (แน่ะ..) ชามละ 15,000 ด่อง 3 ชาม 45,000 ด่อง และอีก 5,000 ด่อง เป็นค่าทิป เห็นว่าพวกคุณมีตังค์ แค่นี้อย่างกกันเลย...จ่ายมา ฯลฯ
โห...คุณป้ามามุกไหนนี่..พี่ไทยต่างด่าวอย่างเราที่ว่าแน่....เข็ดเลย
ยังๆ มีอีกหลายกรณีกับของกินข้างทางที่กินเข้าไปแล้ว จะคายหรือถ่ายออกมาคืน ณ ตอนนั้นไม่ได้ทั้งร้านขนมใส่น้ำแข็งข้างทางถ้วยละ 10,000 ด่อง (จากราคาปกติ 5,000 ด่อง) ซาลาเปาลูกละ 5,000 ด่อง (จากราคาลูกละ 2,500 ด่อง) และสุดท้ายไฮไลต์ร้านขายอาหารริมทาง ไข่เจียวมื้อที่แพงที่สุดในโลก ....เอิ๊กกกกก
เหตุเพราะคณะทัวร์บางท่านกินเนื้อหมู เมนูยอดนิยมในเวียตนามไม่ได้ ระหว่างทางแวะร้านริมทางที่ดูซ่อมซ่อกับแม่ค้าสาวหน้าตาใสซื่อดูไม่มีพิษมีภัย กว่าจะอธิบายเรื่อง ฉันต้องการกินไข่เจียว ป้าๆ ช่วยกันเขียนรูปไข่และไก่เพราะพูดกันไม่รู้เรื่อง แต่แม่ค้าสาววิ่งไปจับไก่เป็นๆ จะมาสับคอให้กิน เล่นเอาร้องกันเสียงหลง ท้ายสุด....หลังจากผ่านวิบากกรรมระหว่างมื้อเป็นที่เรียบร้อย ได้ข้าวไข่เจียวหน้าตาประหลาดๆ มาโซ้ยกัน 4 จาน

แต่ราคาสุดเซอร์ไพร้ส์ 400,000 ด่อง......โอ... เล่นเอาอ้าปากหวอ....อยากเอาออกมาจากกระเพาะจริงๆ
เอ้า..พักเรื่องเสียรู้กับของกิน วกเข้าสู่สิ่งบันเทิงตาของแท้ ทริปนี้ขอยกให้ “นครจักรพรรดิ์ไดนอย”
เสียค่าเข้าชมคนละ 55,000 ด่อง ( 120 บาท) นครจักรพรรดิที่นี่ลอกเลียนแบบนครต้องห้ามของจีน
เป็นที่ประทับของกษัตริย์ราชวงศ์เหงียนถึง 13 พระองค์ ระหว่างปี ค.ศ. 1802-1945 ในตำหนักแห่งนี้มีทั้งวัดวาอาราม และสถานที่พักผ่อนอิริยาบถของกษัตริย์ มีกำแพงสูงถึง 3 ชั้น ชั้นสุดท้ายเข้าได้เฉพาะกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์เท่านั้น ภายในตำหนักแสดงข้าวของเครื่องใช้ที่ยังหลงเหลืออยู่พร้อมทั้งบรรยากาศของท้องพระโรงที่สวยงาม
“พี่อาร์ม..กอลฟ์อยากใส่ชุดอ๋าวหย่าย..อยากซื้อ” ผมรีบหันไปมองหน้า เพื่อนสาวร่างใหญ่พันธ์โคนมที่ยิ้มแก้มปริ...ว่าแล้วก็เข้าร้านตัดชุด สนนราคา 405,000 ด่อง (900 บาท) ได้มาก็เริงร่าแล้วใส่ทันที่เมื่อถึงฮอยอัน...เธอคงนึกว่าเธอคือเจนนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ดาราสาวที่เคยมาถ่ายหนังเรื่องฮอยอันฉันรักเธอ ทางช่อง 3 เป็นแน่
มีคำคมที่ชวนขบคิดเกี่ยวกับชุดอ๋าวหย่าย กันว่า เป็นศิลปะแห่งการซ่อนเร้นที่เผยความเซ็กซี่ของสรีระได้มากที่สุด สาวๆทีเวียตนามไม่เคยเห็นใครอ้วนเลย สรีระตกที่ประมาณ 24-26-35 ร่างอรชรอ้อนแอ่นใส่แล้วดูบางเบาสบายตา....ไม่เหมือน...เพื่อน..นน ผม..อ้าว...ยาย...อ๋าวหย่ายติ๋ม...
“พี่ๆ..มีคนชมกลอฟ์ว่าสวยเยอะมาก เกือบ 20 คน คนที่นี่จริงใจเนอะ เขาเห็นเราสวยก็ชม ฯลฯ”
จริงอย่างที่เธอว่า เพราะผมเห็นคนโฉบจักรยานเข้ามาแล้วบอกว่า “Thailand Big” แล้วรีบโฉบออกไป สาวกอลฟ์หน้าเสีย ....กลอฟ์เอ๋ย...ไทยแลนด์ใหญ่อ่ะ..หน้าอกไซซ์ ตั๊ก-บงกช ของเธอแน่ๆ
คณะทัวร์เฉพาะกิจของเรายังได้แวะเที่ยว ดานัง หมู่บ้านภูเขาหินอ่อน ริมทะเลแสนสวย ฮอยอัน เมืองมรดกโลกที่ทางนิตยสาร F Chic ได้มาเที่ยวแล้ว เรียกว่าเดินตามรอยว่างั้นเหอะ และสุดท้ายก็ยังไม่วายกลับมาลุยช้อปที่เว้ อดีตเมื่องหลวงที่เคยรุ่งเรืองแต่ราคาสินค้าแสนถูกที่ตลาดดองบา เป้ขนาดใหญ่ เมื่อไทยขาย 3,000 บาท ที่นี่ขาย 280 บาท ชุดอ่าวหยายตัวละ 100 บาท เสื้อดาวแดงตัวละ 30 บาท จากราคาที่ขายอยู่ ตัวละ 100 บาท ฯลฯ ถูกๆๆๆๆๆๆๆ นู้น นี่ นั่น ถูกๆๆๆ ช้อปซะเงินสะพัด
“เจ้ๆ...หมวกดาวแดงขายใบเท่าไหร่” ผมพูดพร้อมกับเตรียมเครื่องคิดเลขขนาดเท่าฝ่ามือเตรียมกดราคา
“สองใบร้อยบาทไทย ” แนะ...คนขายพูดไทยชัดด้วย และยังรับเงินไทยอีก
“ไม่เอาแพงไป.. 5 ใบร้อยได้ไหม “ ผมพูดอย่างเป็นแต้มต่อ...อย่างน้อยก็ได้กำไรเห็นๆ แล้วล่ะ
“ไม่ได้ ให้แค่ 4 ใบร้อย ไม่เอาก็เชิญ” โห..ดูเจ้แกไล่ลูกค้า เอ้า...เอาก็เอา เราได้เปรียบอยู่ เรื่องต่อราคานี่พี่ไทยเราฉลาดอยู่แล้ว เพราะศึกษามาเยอะ ในขนาดที่พลพรรครักของถูกหันมาให้ความสำคัญกับหมวกดาวแดง
“4 ใบร้อย ไม่แพงหรอก” ผมพูดเสียงดังพลางโชว์หมวกใส่ให้เพื่อนดู ด้วยความภาคภูมิใจ...เท่ซะ
แต่แล้ว.........ความภาคภูมิใจในการต่อรองราคาของผมก็ยุติลง กับบรรดาร้านค้าแถวนั้น
“พี่ๆ ร้านฉันขาย 6 ใบร้อย แบบเดียวกันนี่ไง” แม่ค้าอีกร้านที่ได้ยินหยิบหมวกดาวแดงให้ผมดู
เซ็งจิต...............
“ร้านฉัน 8 ใบร้อยเอาไหม” พ่อค้าอีกคนร้านถัดไป หยิบหมวกดาวแดงมาเป็นปึกๆๆโชว์บ้าง
เซ็งโครต..........
“มานี่ดีกว่าพี่ ร้านฉันขาย 8 ใบแถม อีก 1 ใบ ร้อยเดียว”
เซ็งฉิบ...ห.....า..........
“โห....พี่...ร้านฉันถูกกว่าเยอะ มาเอาไปเลย 10 ใบ ร้อยเดียว ม๊า”
อู๊ดๆๆๆๆ!!!!!!!!!!!!!!!!! เสียงหมูถูกเชือดประสานดังแว่วจากกลุ่มเพื่อนๆพร้อมเสียงหัวเราะ……..
จริงอย่างที่ว่า ทริปนี้ 5 วัน 6,000 บาท เป็นไปตามงบ เพื่อนเต่าคณะทัวร์เลยรอดตัวไป เงินที่บานปลายคือเงินช้อปปิ้งส่วนตัวที่ละเลงไปกับของฝากของใช้ ก็แต่ละอย่างที่ซื้อมาถูกกว่าครึ่งของเมืองไทย เงินทองของนอกกายจริงๆ ถ้ามาที่เว้...ขอบอก..

1 ความคิดเห็น:

หมวดภาษาไทย EIS กล่าวว่า...

อยากไปจังเลยค่ะ ขอบคุณครูอาร์มที่พาเราไปเที่ยว สนุกมากค่ะ สาวเวียตนามสวยจัง แต่หน้าตาคล้าย ครูกอล์ฟเนอะ