
ภาพ พัศสรรค์ รักษ์มีธรรม
จุดประกายภารกิจแบกเป้เที่ยวเว้ ต้องยกเครดิตให้นิตยสาร F Chic Female Travel Magazine เล่มที่ไปเวียตนาม กับ มล.อรณิช กิตติยากร เล่มนั้นล่ะ เรียกเสียงฮือฮาจากเพื่อนๆ อยากให้ไปกัน
“ 5 วัน 6,000 บาท ผ่านลาวเข้าเว้-ดานัง-ฮอยอัน” เพื่อนเต่า หัวหน้าทริป ผู้ที่เคยไปย่ำต๊อกมาแล้วบอก
“ค่ารถไป-กลับ ค่าที่พัก 4 ดาว ค่าอาหาร ค่าเช่ารถเที่ยว 5 วัน น้ำมัน และค่าด่านผ่านแดน แต่ไม่รวมค่า
ช้อปปี้งนะ...จ่ายใครจ่ายมัน” เพื่อนเต่าอธิบายซ้ำทันทีเมื่อเห็นลูกทัวร์หยิบเครื่องคิดเลขมากด...มือระวิง
เอาล่ะซิ...ข้อเสนอเกินห้ามใจ ลูกทัวร์เลยหน้าบานรีบรวบรวมพลพรรครักของถูกได้ 7 คนพอดิบพอดี
ลุย............................

ล้อหมุนที่หมอชิตสองตอนเที่ยงคืน ถึงเช้าเข้าสู่ จ.มุกดาหาร เมื่อฝากท้องกับอาหารเช้า แถวตลาดอินโดจีน แต่ยังไม่วายเหล่ตาเดินดูสินค้าราคาถูกระลานตาข้างทางก็มีพรายกระซิบ
“ของในเวียตนามถูกมาก ราคาต่อได้เกินครึ่ง ซื้อที่นู้นดีกว่า เชื่อดิ...”
แค่นี้ล่ะ...พลพรรคนักช้อปก็หูผึ่ง รีบนั่งเรือข้ามแม่น้ำโขง เข้าฝั่งลาว ขึ้นท่าที่สะหวัตนะเขตทันที
เมื่อทำบัตรผ่านแดน เช็คพลาสปอร์ตเสร็จ เสียค่านู้นค่านี้ยิบย่อย ธรรมเนียมสารพัดแบบนี้มียันด่านเข้า
เวียตนามเลย ชาวคณะได้แต่ทำตาปริบๆ พูดอะไรมากไม่ได้ เพราะอยากเข้าเมืองเขานี่นาไม่จ่ายก็เรื่องเยอะเปล่าๆ
ดีนะที่ได้ค่ารถตู้แบบเหมารวม ที่ติดต่อในฝั่งลาวมีคนขับให้พร้อม 5 วัน ราคา 10,000 บาท ค่าน้ำมันอีก 3,000 บาท ทำให้ทริปนี้ไม่ต้องตาลีตาเหลือกหารถต่อให้วุ่นวาย ชาวคณะต่างปรีดาหน้าชื่น
“แหม...ทีแรกนึกว่าจะเที่ยวแบบโลโซ แต่พอมีรถตู้บริการ นอนแอร์ทุกคืน ไฮโซทันตาเห็น” ใช้เวลาหนึ่งวันเต็มกว่าจะหลุดจากสะวันเขต ลาวเข้าเวียตนาม ตามเส้นทางอินโดจีน ระยะทางกว่า 600 กิโลเมตร กับความเร็ว 80 ไมล์/ชั่วโมง แสน.....จะอึดอัดใจ... นี่ถ้าเป็นเมืองไทยระยะทางแค่ กทม.ไป เชียงใหม่ เหยียบเข้าไปเลย 120 ไมล์ขำขำ ไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงแล้ว แต่ที่นี่กฎหมายเขาคุมเข้มกว่าของไทยมาก
เอ้า......น่า....เลือกอยากมาทางรถเองนี่น่า บ่นไปก็เท่านั้น ดีนะที่ได้ทิวทัศน์สวยๆ พักสายตาไปตลอด ทาง ตั้งแต่เข้าเวียตนาม เลียบภูเขา ป่าสน ดอยสูง น้ำตกและลำคลอง ลัดเลาะไปตามเทือกเขา เนินสูงต่ำที่มีตึกและบ้านสวยๆ สีสดใส สไตล์จีนและยุโรป แถมอากาศดีมากๆ จนอดใจแวะถ่ายรูปไม่ได้

เช้าตื่นมา หลังจากกินอาหารในร้านเรสเตอรองแล้ว แหม..บางคนอาจจะคิดว่าติดหรู แต่บอกตามตรงว่ามาเวียตนาม ต้องเลือกกินอาหารในภัตตาคารหรือร้านสวยๆ ที่มีป้ายบอกราคาเท่านั้น เพราะเคยลองมาหลายที่แล้ว นั่งกินริมฟุตปาทหรือในตลาดแบบชาวบ้านเขากินกัน ถูกฟันราคาโกงขึ้นไปอีก 2-3 เท่า ทั้งๆที่ตกลงราคากันแล้วนะ อย่างกรณี “คุณป้าพับแบงค์” ที่ขายเฝอหมูหน้าโรงแรมที่พวกเราไปพักเป็นตัวอย่าง
“ป้า..เฝอหมู..ชามเท่าไหร่” ถามเพราะอยากรู้ราคาก่อนกิน ซึ่งเป็นธรรมเนียมคนต่างด่าวเข้าถิ่นอยู่แล้ว
“ 10,000 ด่อง (20 บาท) เท่านั้นเองจ๊ะ” ป้าวัย 60 กว่า หยิบแบงค์หมื่นด่องขึ้นมาให้ดู เพื่อยืนยันราคา
“งั้นเอา..สามชามนะ” เมื่อสั่งเสร็จก็ก้มหน้าก้มตากินกันไป รสชาติก็ใช่ได้..อร่อยดี..แล้วเรียกเช็คบิล
“สามชาม 50,000 ด่อง ค่ะ” แค่นั้นล่ะ..ปัญหาโกลาหลก็ตามมา..แถมคุณป้าด่าเป็นภาษาเวียตนามอีก
ที่ราคาขึ้นทันตาเห็นเพราะเธอบอกว่าราคานักท่องเที่ยวอีกราคาหนึ่ง แน่ะ..มีอย่างนี้ด้วย ที่หยิบ 10,000 ด่องขึ้นมา แกพับไปอีกครึ่งหนึ่ง คือราคา 5,000 ด่อง คุณผิดเองที่ไม่ทันมอง (แน่ะ..) ชามละ 15,000 ด่อง 3 ชาม 45,000 ด่อง และอีก 5,000 ด่อง เป็นค่าทิป เห็นว่าพวกคุณมีตังค์ แค่นี้อย่างกกันเลย...จ่ายมา ฯลฯ
โห...คุณป้ามามุกไหนนี่..พี่ไทยต่างด่าวอย่างเราที่ว่าแน่....เข็ดเลย
ยังๆ มีอีกหลายกรณีกับของกินข้างทางที่กินเข้าไปแล้ว จะคายหรือถ่ายออกมาคืน ณ ตอนนั้นไม่ได้ทั้งร้านขนมใส่น้ำแข็งข้างทางถ้วยละ 10,000 ด่อง (จากราคาปกติ 5,000 ด่อง) ซาลาเปาลูกละ 5,000 ด่อง (จากราคาลูกละ 2,500 ด่อง) และสุดท้ายไฮไลต์ร้านขายอาหารริมทาง ไข่เจียวมื้อที่แพงที่สุดในโลก ....เอิ๊กกกกก
เหตุเพราะคณะทัวร์บางท่านกินเนื้อหมู เมนูยอดนิยมในเวียตนามไม่ได้ ระหว่างทางแวะร้านริมทางที่ดูซ่อมซ่อกับแม่ค้าสาวหน้าตาใสซื่อดูไม่มีพิษมีภัย กว่าจะอธิบายเรื่อง ฉันต้องการกินไข่เจียว ป้าๆ ช่วยกันเขียนรูปไข่และไก่เพราะพูดกันไม่รู้เรื่อง แต่แม่ค้าสาววิ่งไปจับไก่เป็นๆ จะมาสับคอให้กิน เล่นเอาร้องกันเสียงหลง ท้ายสุด....หลังจากผ่านวิบากกรรมระหว่างมื้อเป็นที่เรียบร้อย ได้ข้าวไข่เจียวหน้าตาประหลาดๆ มาโซ้ยกัน 4 จาน

เอ้า..พักเรื่องเสียรู้กับของกิน วกเข้าสู่สิ่งบันเทิงตาของแท้ ทริปนี้ขอยกให้ “นครจักรพรรดิ์ไดนอย”
เสียค่าเข้าชมคนละ 55,000 ด่อง ( 120 บาท) นครจักรพรรดิที่นี่ลอกเลียนแบบนครต้องห้ามของจีน
เป็นที่ประทับของกษัตริย์ราชวงศ์เหงียนถึง 13 พระองค์ ระหว่างปี ค.ศ. 1802-1945 ในตำหนักแห่งนี้มีทั้งวัดวาอาราม และสถานที่พักผ่อนอิริยาบถของกษัตริย์ มีกำแพงสูงถึง 3 ชั้น ชั้นสุดท้ายเข้าได้เฉพาะกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์เท่านั้น ภายในตำหนักแสดงข้าวของเครื่องใช้ที่ยังหลงเหลืออยู่พร้อมทั้งบรรยากาศของท้องพระโรงที่สวยงาม
“พี่อาร์ม..กอลฟ์อยากใส่ชุดอ๋าวหย่าย..อยากซื้อ” ผมรีบหันไปมองหน้า เพื่อนสาวร่างใหญ่พันธ์โคนมที่ยิ้มแก้มปริ...ว่าแล้วก็เข้าร้านตัดชุด สนนราคา 405,000 ด่อง (900 บาท) ได้มาก็เริงร่าแล้วใส่ทันที่เมื่อถึงฮอยอัน...เธอคงนึกว่าเธอคือเจนนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ดาราสาวที่เคยมาถ่ายหนังเรื่องฮอยอันฉันรักเธอ ทางช่อง 3 เป็นแน่
มีคำคมที่ชวนขบคิดเกี่ยวกับชุดอ๋าวหย่าย กันว่า เป็นศิลปะแห่งการซ่อนเร้นที่เผยความเซ็กซี่ของสรีระได้มากที่สุด สาวๆทีเวียตนามไม่เคยเห็นใครอ้วนเลย สรีระตกที่ประมาณ 24-26-35 ร่างอรชรอ้อนแอ่นใส่แล้วดูบางเบาสบายตา....ไม่เหมือน...เพื่อน..นน ผม..อ้าว...ยาย...อ๋าวหย่ายติ๋ม...
“พี่ๆ..มีคนชมกลอฟ์ว่าสวยเยอะมาก เกือบ 20 คน คนที่นี่จริงใจเนอะ เขาเห็นเราสวยก็ชม ฯลฯ”
จริงอย่างที่เธอว่า เพราะผมเห็นคนโฉบจักรยานเข้ามาแล้วบอกว่า “Thailand Big” แล้วรีบโฉบออกไป สาวกอลฟ์หน้าเสีย ....กลอฟ์เอ๋ย...ไทยแลนด์ใหญ่อ่ะ..หน้าอกไซซ์ ตั๊ก-บงกช ของเธอแน่ๆ
คณะทัวร์เฉพาะกิจของเรายังได้แวะเที่ยว ดานัง หมู่บ้านภูเขาหินอ่อน ริมทะเลแสนสวย ฮอยอัน เมืองมรดกโลกที่ทางนิตยสาร F Chic ได้มาเที่ยวแล้ว เรียกว่าเดินตามรอยว่างั้นเหอะ และสุดท้ายก็ยังไม่วายกลับมาลุยช้อปที่เว้ อดีตเมื่องหลวงที่เคยรุ่งเรืองแต่ราคาสินค้าแสนถูกที่ตลาดดองบา

“เจ้ๆ...หมวกดาวแดงขายใบเท่าไหร่” ผมพูดพร้อมกับเตรียมเครื่องคิดเลขขนาดเท่าฝ่ามือเตรียมกดราคา
“สองใบร้อยบาทไทย ” แนะ...คนขายพูดไทยชัดด้วย และยังรับเงินไทยอีก
“ไม่เอาแพงไป.. 5 ใบร้อยได้ไหม “ ผมพูดอย่างเป็นแต้มต่อ...อย่างน้อยก็ได้กำไรเห็นๆ แล้วล่ะ
“ไม่ได้ ให้แค่ 4 ใบร้อย ไม่เอาก็เชิญ” โห..ดูเจ้แกไล่ลูกค้า เอ้า...เอาก็เอา เราได้เปรียบอยู่ เรื่องต่อราคานี่พี่ไทยเราฉลาดอยู่แล้ว เพราะศึกษามาเยอะ ในขนาดที่พลพรรครักของถูกหันมาให้ความสำคัญกับหมวกดาวแดง
“4 ใบร้อย ไม่แพงหรอก” ผมพูดเสียงดังพลางโชว์หมวกใส่ให้เพื่อนดู ด้วยความภาคภูมิใจ...เท่ซะ
แต่แล้ว.........ความภาคภูมิใจในการต่อรองราคาของผมก็ยุติลง กับบรรดาร้านค้าแถวนั้น
“พี่ๆ ร้านฉันขาย 6 ใบร้อย แบบเดียวกันนี่ไง” แม่ค้าอีกร้านที่ได้ยินหยิบหมวกดาวแดงให้ผมดู
เซ็งจิต...............
“ร้านฉัน 8 ใบร้อยเอาไหม” พ่อค้าอีกคนร้านถัดไป หยิบหมวกดาวแดงมาเป็นปึกๆๆโชว์บ้าง
เซ็งโครต..........
“มานี่ดีกว่าพี่ ร้านฉันขาย 8 ใบแถม อีก 1 ใบ ร้อยเดียว”
เซ็งฉิบ...ห.....า..........
“โห....พี่...ร้านฉันถูกกว่าเยอะ มาเอาไปเลย 10 ใบ ร้อยเดียว ม๊า”
อู๊ดๆๆๆๆ!!!!!!!!!!!!!!!!! เสียงหมูถูกเชือดประสานดังแว่วจากกลุ่มเพื่อนๆพร้อมเสียงหัวเราะ……..
จริงอย่างที่ว่า ทริปนี้ 5 วัน 6,000 บาท เป็นไปตามงบ เพื่อนเต่าคณะทัวร์เลยรอดตัวไป เงินที่บานปลายคือเงินช้อปปิ้งส่วนตัวที่ละเลงไปกับของฝากของใช้ ก็แต่ละอย่างที่ซื้อมาถูกกว่าครึ่งของเมืองไทย เงินทองของนอกกายจริงๆ ถ้ามาที่เว้...ขอบอก..
1 ความคิดเห็น:
อยากไปจังเลยค่ะ ขอบคุณครูอาร์มที่พาเราไปเที่ยว สนุกมากค่ะ สาวเวียตนามสวยจัง แต่หน้าตาคล้าย ครูกอล์ฟเนอะ
แสดงความคิดเห็น