ภาพของ 'ครูไหวใจร้าย' หรือครูฅนใดก็ตามที่ถูกต่อท้ายชื่อด้วยคำว่า 'ใจร้าย' อาจหาได้ยากในยุคสมัยที่ระบบการศึกษาพัฒนามาถึงปัจจุบัน แต่เรื่องที่จะปรากฏต่อไปนี้ เคยเกิดขึ้นแก่เด็กหลายฅน แม้เหตุการณ์จะไม่เหมือนกันทุกแง่มุมก็ตาม
สำหรับผู้อ่านที่ผ่านวัยเด็กมานานจนมีลูกมีหลานไปแล้ว เรื่องนี้อาจทำให้ระลึกถึงความหลัง คิดถึงครูบางฅนที่เข้มงวดกวดขัน ซึ่งบางทีก็ไม่เข้าท่าในสายตาของเด็ก ทว่า เมื่อเวลาผ่านพ้นมานานหลายสิบปี จนถึงบัดนี้ ความรู้สึกในวัยเด็กอาจเปลี่ยนไป กลายเป็นนึกรักครูที่เข้มงวดฅนนั้นขึ้นมาก็ได้
และสำหรับฅนในยุคนี้ที่ไม่มีโอกาสพบความตื่นเต้น (เพราะคงไม่มีครูฅนไหนดุและเอาจริงเอาจังดังเช่นในยุคก่อน) ก็อาจบอกตัวเองว่า 'โชคดีที่ไม่ได้เกิดในยุคนั้น' แต่หากมองในอีกมุมหนึ่งแล้ว น่าจะพูดได้ว่า 'เสียดายที่พลาดเหตุการณ์สำคัญไป'
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของ 'ครูไหวใจร้าย' และตัวละครอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง คงจะช่วยให้ผู้อ่านระลึกนึกถึง 'สิ่งดีๆ' ได้บ้าง
เรื่องย่อ โรงเรียนดรุณรักษ์ เป็นโรงเรียนที่คนในอำเภอกิ่งจันทร์แดง ล้วนแต่เคยผ่านช่วงชีวิตในวัยเรียนกันมาทุกคนแล้ว และคุณครูเจ้าระเบียบแห่งโรงเรียนดรุณรักษ์ ที่ไม่มีใครในอำเภอกิ่งจันทร์แดงไม่รู้จัก และยังเป็นที่ขนานนามคือ “นางสาวไสว แสงตะวัน” หรือ “ครูไหว” ที่ใครต่อใครต่างให้ฉายานามไว้ว่า “ครูไหวใจร้าย” ซึ่งปัจจุบันนี้ อายุอานามของครูไหวก็ปาเข้าไปเกือบ 70 ปีแล้ว ชื่อเสียงของครูไหว เป็นที่โจษจันเป็นอย่างมากในเรื่องของความเข้มงวด เจ้าระเบียบ และดุมากเสียจนใครต่อใครในอำเภอกิ่งจันทร์แดงต่างพากันเกรงกลัว แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าในอีกมุมหนึ่งของครูไหว หรือ ครูไหวใจร้าย นั้นเป็นคนที่ใจบุญมากๆ ไม่ฆ่ากระทั่งยุงแม้แต่ตัวเดียว และเมื่อถึงวันพระ ครูไหวจะเป็นคนแรกเสมอที่ไปถึงวัด ครูไหวจะมีกิจวัตรประจำวันที่เที่ยงตรงอยู่ตลอดเวลา ครูไหวจึงกลายเป็นนาฬิกาที่มีชีวิตประของทุกคนในอำเภอไปแล้ว และถ้าวันไหนมีเหตุสุดวิสัยจริงๆ ที่ทำให้กิจวัตรของครูไหวคลาดเคลื่อน ก็จะส่งผลให้ชีวิตประจำวันของใครต่อใครที่ใช้นาฬิกามีชิวิตครูไหวคลาดเคลื่อนเช่นกันและด้วยเรื่องราวต่างๆ ที่ครูไหวได้สู้รบปรบมือกับเหล่าลูกศิษย์ตัวแสบ ด้วยการลงโทษแบบต่างที่ไม่ซ้ำแบบ แต่ก็ไม่เคยมีใครที่ได้รับอันตรายจากการลงโทษในแต่ละครั้งเลย และคำร่ำลือเกี่ยวกับความใจร้ายของครูไหวเล่าต่อกันมาตั้งแต่พ่อแม่จนถึงลูกหลาน เด็กๆ จึงพากันหวาดกลัวในความเข้มงวดและวิธีการลงโทษต่างๆ ของครูไหวอาทิเช่นการทำโทษด้วยการล้างปากด้วยสบู่สำหรับเด็กที่ไม่ตั้งใจเรียนหรือพูดจาไม่ดีเป็นต้น จนทำให้เหล่าบรรดาผู้ปกครองลงประชามติว่าครูไหวควรยุติความใจร้ายเสียที จึงเป็นเหตุให้การสู้รบปรบมือกับเหล่านักเรียนและผู้ปกครองเริ่มขึ้นจนวันวันหนึ่งเมื่อครูไหวใจร้ายได้ล้มป่วยลงกะทันหัน ก็ทำให้ทุกคนในอำเภอไม่เป็นอันทำอะไร ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่มีใครชอบครูไหว ผู้ที่ไม่แยแสว่าใครจะรักหรือเกลียด ทำทุกอย่างด้วยความรักและความจริงใจต่อเด็ก แม้กระทั่งละทิ้งความฝันที่จะออกท่องเที่ยวของตัวเอง แต่บัดนี้เมื่อครูไหวล้มป่วยลง ความเงียบเหงาไม่มีชีวิตชีวาเข้าปกคลุมไปทั่วอำเภอ ทำให้ทุกคนรับรู้แล้วว่าในหัวใจทุกคนนั้นต่างรักและเคารพครูไหวมากมายเพียงใด ทุกคนต่างพากันบนบานศาลกล่าวเอาใจช่วยครูไหวเพื่อหวังว่ากำลังใจจากทุกคนจะช่วยให้ครูไหวฟื้น และกลับมาทำให้คนในอำเภอกิ่งจันทร์แดงมีชีวิตชีวาอีกครั้ง