ตะลอนทัวร์คลอดทริปใหม่

ปีใหม่นี้ จะฉลองปีใหม่กันที่ไหน ที่แน่แน่ พวกสมาชิกตะลอนทัวร์เตรียมเก็บกระเป๋ากันได้แล้ว เมื่อครั้งก่อนไปเที่ยวคลองวาฬ ข้าน้อยทำผิดอย่างแรงทิ้ง สองป้าให้เดินหลงทางกลับที่พัก ใครจะไปคิดล่ะว่า ไอ้แค่ 200 ม.ตรง ๆ ท่านพี่จะหลงทาง ก็ประสบการณ์ย่ำมาแล้วรอบโลก ก็น่าจะไม่หลง แต่ผิดครับหลงครับท่าน ได้ข่าวว่าคราวนี้ จะหอบหิ้วเอาผู้อำนวยการโรงเรียนไปหลงอีกคน นี่ถ้าประวัติศาสตร์ซ้ำรอย พากันหลงเหมือนเมื่อคราวก่อน สงสัยต้องเตรียมหางานใหม่กันได้เลย เรียกว่ากลับมาตัวใครตัวมัน ฮิฮิฮิ มีต่อ

วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2551

บทความชนะเลิศ G8




เป้าหมายในชีวิตของฉัน

ทุกคนบนโลกใบนี้ พอเกิดมาก็ลืมตาดูโลก พอโตขึ้นมาหน่อยก็เข้าเรียนหนังสือ โดยมีคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองคอยสนับสนุน และวางแผนชีวิตของเรา ฉันเข้าใจว่าพวกท่านทำไปเพราะอยากให้เราได้ดี เพราะท่านเคยผ่านประสบการณ์เหล่านี้มาก่อน แต่ ทุกๆคนก็ย่อมมีเป้าหมายในชีวิตของเราอย่างแน่นอน แต่เพื่อบุพการี เราย่อมทำตามที่ท่านอยากให้เราเป็น
ตอนเล็กๆ ฉันเคยฝันอยากเป็นครูมาก่อน เพราะความเป็นเด็กเลยไม่ค่อยรู้อะไร และเคยสัญญากับคุณพ่อคุณแม่ว่าจะสอบให้ได้ที่ ๑ ของห้อง และฉันก็ได้ที่ ๑ ของห้องมาตลอดชั้นประถมศึกษา
พอเริ่มโตขึ้น ฉันก็คิดได้ว่าอาชีพครู ไม่ใช่อาชีพที่เหมาะกับฉันสักเท่าไร จึงเริ่มมองว่าฉันสนใจอะไร แล้วก็มารู้ว่าตัวเองชอบเรื่องเกี่ยวกับการสร้างหรือประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ และยังชอบวาดรูปอีกด้วย ตอนนี้ก็เลยตัดสินใจว่าพอฉันเรียนจบชั้นมัธยมศึกษา ฉันจะไปเข้าคณะ วิศวะฯ ฉันเคยถามพ่อแม่ว่าท่านอยากให้ฉันเรียนอะไร ท่านก็พูดเสมอๆว่า ถ้าฉันอยากเรียนอะไร ก็เรียนไปเถอะ ท่านไม่บังคับ
ความชอบอีกอย่างของฉันก็คือ การทำอาหาร และฉันได้ว่างแผนไว้แล้วว่า พอจบปริญญาตรี ฉันอาจจะไปต่อโทด้านทำอาหาร
ฉันฝันว่าตอนโตขึ้น ฉันจะต้องไปปารีส และ อียิปต์ ให้ได้ เพราะฉันอยากรู้ว่าที่นั้นสวยแค่ไหน
ฉันได้ตั้งใจไว้ว่า พอเข้ามหาลัยฯ ฉันจะทำงานหาเงินใช้ได้ด้วยตนเองโดยไม่พึ่งเงินพ่อแม่ และพอเรียนเรียนจบ ก็จะมาทำงานหาเงินให้คุณพ่อคุณแม่ได้ใช้ เพื่อตอบแทนพระคุณท่านที่ท่านเลี้ยงดูฉันมา
ตอนนี้ เป็นหมายในชีวิตของฉันมีแค่นี้ อาจมีมากกว่านี้ หรืออาจไม่เปลี่ยนแปลงเลย แต่ฉันในตอนนี้ ก็ยังจะเดินตามความฝันของฉัน แม้ว่าในอนาคต จะมีอุปสรรค์มากมายรออยู่ ขอแค่ล้มแล้วลุกขึ้นได้อีกครั้ง ก็พอ เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า วันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร หรือไม่ สำหรับบางคน อาจไม่มีวันพรุ่งนี้เลย ขอเพียงแต่เรา ต้องหมั่นทำวันนี้..ให้ดีที่สุด.........
โดย เพรชฟ้า G8 No3

มวยไทย




มวยไทย
ความเป็นมาของมวยไทย ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าศิลปมวยไทยเกิดขึ้นเมื่อใด แต่สันนิษฐานว่า คงเกิดขึ้นพร้อมกับการสร้างชาติไทย ที่ต้องผ่านศึกสงครามมาโดย ตลอด คนไทยจึงต้องฝึกตนเองให้พร้อมเพื่อการต่อสู้ แม้การต่อสู้ด้วยมือเปล่า การฝึกการต่อสู้โดยใช้อาวุธจากร่างกายทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็น เท้า เข่า ศอก ด้วยเหตุ นี้จึงได้วิวัฒนาการมาเป็นศิลปะมวยไทย ที่ต้องมีกติการการชก และเป็นกีฬาที่แพร่หลายมาจนถึงทุกวันนี้ และปัจจุบันนี้ มวยไทยก็เป็นศิลปที่รู้จักกันไปทั่วโลก ไม่แพ้ ศิลปมวยจีนเช่นกัน การต่อสู้ด้วยศิลปะมวยไทยนี้ เป็นที่สนใจในความแข็งแกร่ง จนเคยมีการท้าประลองกันกับศิลปะป้องกันตัวของนานาชาติมาแล้ว ซึ่งเป็นที่ภาคภูมิใจอย่างยิ่งของคนไทย และในขณะเดียวกันก็เป็นที่ยอมรับ ถึงความงดงามที่แฟงไว้ซึ้งพลัง อันรุนแรงและหนักหน่วง สมควรเป็นกีฬาประจำชาติไทย ที่ควรสืบทอดสั่งสมอนุรักษ์ให้ คงอยู่คู่ ชาติไทยตลอดไป ตำนานที่เล่าขาน .. นักมวยไทยในตำนานที่เป็นที่เล่าขานกันมาที่เราเคยได้ยิน ก็คือ นายขนมต้ม ซึ่งเป็นคนไทยที่ถูกพม่าจับไปเป็นเชลย และได้ต่อสู้กับมวยของชาวพม่าถึง 9 คน ในการต่อสู้ครั้งนั้น พระเจ้ามังระเป็นกษัตริย ได้ทรงตรัสว่า หากขนมต้มแพ้จะถูกบั่นคอ แต่หากชนะขนมต้มประสงค์สิ่งใดก็ทูลขอได้ ในการตู่สู้ครั้งนั้นพม่าทั้ง 9 คนได้พ่ายแพ้ ให้แก่นายขนมต้ม และนายขนมต้มก็ได้ขอให้พระเจ้ามังระทรงอภัยโทษคนไทยทุกคน พระเจ้ามังระเป็นกษัตริยซึ่งตรัสแล้วไม่คืนคำ ทรงปลดปล่อยคนไทยเป็นอิสระจากการตก เป็นเชลยศึกของพม่า และทรงตรัสชมขนมต้มว่า "คนไทยนี้มีพิษสงรอบตัว แม้มือเปล่ายังเอาชนะคนได้ถึงเก้าคนสิบคน นี่หากว่ามีเจ้านายดี มีความสามัคคีกัน ไม่ขัดขากันเอง และ ไม่เห็นแก่ความสุขส่วนตัว และโคตรตระกูลแล้ว ไฉนเลยกรุงศรีอยุธยาจะเสียทีแก่ข้าศึก ดั่งที่เห็นอยู่ทุกวันนี้"