ตะลอนทัวร์คลอดทริปใหม่

ปีใหม่นี้ จะฉลองปีใหม่กันที่ไหน ที่แน่แน่ พวกสมาชิกตะลอนทัวร์เตรียมเก็บกระเป๋ากันได้แล้ว เมื่อครั้งก่อนไปเที่ยวคลองวาฬ ข้าน้อยทำผิดอย่างแรงทิ้ง สองป้าให้เดินหลงทางกลับที่พัก ใครจะไปคิดล่ะว่า ไอ้แค่ 200 ม.ตรง ๆ ท่านพี่จะหลงทาง ก็ประสบการณ์ย่ำมาแล้วรอบโลก ก็น่าจะไม่หลง แต่ผิดครับหลงครับท่าน ได้ข่าวว่าคราวนี้ จะหอบหิ้วเอาผู้อำนวยการโรงเรียนไปหลงอีกคน นี่ถ้าประวัติศาสตร์ซ้ำรอย พากันหลงเหมือนเมื่อคราวก่อน สงสัยต้องเตรียมหางานใหม่กันได้เลย เรียกว่ากลับมาตัวใครตัวมัน ฮิฮิฮิ มีต่อ

วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2551

จิตวิญญาณของครู


...เรื่องมีอยู่ว่า มีเด็กนักเรียน ม.1 ไม่ยอมมาเรียน... ทำให้ผู้ปกครองมีความผิด ต้องติดคุก...

อาทิตย์ที่ผ่านมาผมกลับไปบ้านที่จังหวัดน่าน ได้มีเวลาออกมาเดินเล่นตอนเย็น ๆ บริเวณโรงเรียนบ้านไร่ อ.ปัว ซึ่งเป็นโรงเรียนขยายโอกาส มีตั้งแต่ระดับ ประถมจนถึงมัธยม 3 มีนักเรียนประมาณ 200 กว่าคน เด็กนักเรียนส่วนใหญ่อยู่กับปู่-ย่า, ตา-ยาย เนื่องจากพ่อแม่ต้องออกไปทำงานที่ต่างจังหวัด (กรุงเทพฯ) แล้วส่งเงินมาให้เป็นค่าเลี้ยงดู นาน ๆ จะกลับบ้านสักครั้ง ครูส่วนใหญ่ที่สอนในโรงเรียนจะเป็นครูในพื้นที่ ได้คุยกับครูท่านหนึ่งที่สอนที่โรงเรียนนี้มานาน แกมีเรื่องสนุก ๆ ที่เป็นพฤติกรรมของเด็กนักเรียนที่ชอบโดดเรียนและวิธีการแก้แบบแปลก ๆ แต่ก็ได้ผลดี ผมฟังแล้วอดที่จะนำบางเรื่องมาเล่าให้ฟังไม่ได้... เรื่องมีอยู่ว่า มีเด็กนักเรียน ม.1 ไม่ยอมมาเรียนเป็น อาทิตย์ เมื่อครูประจำชั้นไปตามที่บ้านถามนักเรียนว่าทำไมไม่มาเรียน มีปัญหาอะไรหรือเปล่า เด็กกลับตอบว่า ขี้เกียจมาเรียน โดยผู้ปกครอง-ครูจะบังคับก็ไม่ได้ แกจึงออกอุบายโดยไปคุยกับตาของเด็กว่า จะให้ตำรวจมาคุยกับเด็ก และให้พาตาของเด็กไปอยู่ที่โรงพัก สัก 1วันเนื่องจากเด็กไม่ยอมไปเรียนหนังสือ ซึ่งเป็นการทำผิดกฏหมาย ตาของเด็กก็ยินดีที่จะทำตาม (โดยหยุดงานหนึ่งวัน) วันต่อมาตำรวจได้ไปที่บ้านของเด็ก และทำการจับตา ไปโรงพัก ตามที่ตกลงกันไว้ และตำรวจได้บอกกับเด็กว่า เด็กไม่ยอมไปเรียน ทำให้ผู้ปกครองมีความผิด ต้องติดคุก... ได้ผลครับ วันต่อมา เด็กได้มาเรียนตามเดิม และก็ไม่ยอมขาดเรียนโดยไม่จำเป็นอีกเลย ... จากที่ฟัง ผมได้คติหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความพยามของครูที่ตั้งใจดูแลศิษย์ ความอ่อนแอของชุมชนในชนบทที่พ่อ-แม่ต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด ไม่มีเวลาดูแล-สั่งสอนอย่างใกล้ชิด ความร่วมมือกันของตำรวจ ครูและชาวบ้านที่เป็นคนในท้องถิ่น ช่วยกันดูแลลูกหลานและลูกศิษย์ ครับ ถ้าสังคมยังเป็นสังคมที่ช่วยเหลือกัน ใส่ใจดูแลซึ่งกันและกัน ผมว่าสังคมคมจะสงบกว่านี้ครับ

ไม่มีความคิดเห็น: