ตะลอนทัวร์คลอดทริปใหม่

ปีใหม่นี้ จะฉลองปีใหม่กันที่ไหน ที่แน่แน่ พวกสมาชิกตะลอนทัวร์เตรียมเก็บกระเป๋ากันได้แล้ว เมื่อครั้งก่อนไปเที่ยวคลองวาฬ ข้าน้อยทำผิดอย่างแรงทิ้ง สองป้าให้เดินหลงทางกลับที่พัก ใครจะไปคิดล่ะว่า ไอ้แค่ 200 ม.ตรง ๆ ท่านพี่จะหลงทาง ก็ประสบการณ์ย่ำมาแล้วรอบโลก ก็น่าจะไม่หลง แต่ผิดครับหลงครับท่าน ได้ข่าวว่าคราวนี้ จะหอบหิ้วเอาผู้อำนวยการโรงเรียนไปหลงอีกคน นี่ถ้าประวัติศาสตร์ซ้ำรอย พากันหลงเหมือนเมื่อคราวก่อน สงสัยต้องเตรียมหางานใหม่กันได้เลย เรียกว่ากลับมาตัวใครตัวมัน ฮิฮิฮิ มีต่อ

วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2551

เมืองแพร่แห่ระเบิด




เมืองแพร่แห่ระเบิด
ไปมาก็ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ “จังหวัดแพร่” นี่ยังไม่เคยไปสักที ที่คุ้นหูเพราะสำนวนทักทายที่หยอกล้อกัน
“ปี๋เป็นคนเมื๋องแปร่แต๊ก๊า ??...คนแปร่ แห่ระเบิด..แต๊ๆ...ก๊า...”
คุณผู้อ่านหลายคนคงสงสัยว่า ทำไม “คนแพร่ต้องแห่ระเบิด” จะแห่นางแมวหรือแห่ผีฟ้า ผีขนุนไม่ได้หรือ เพื่อนคนแพร่ที่หลากหลายสปีชีส์ ทั้งชายจริง หญิงเที่ยม เฉลยเป็นเสียงเดียวกันว่า
“แต๊ก๊า...” พร้อมพยักหน้าแป้นๆ หงึกๆๆ เขาเล่าๆๆ ปากต่อปากกันว่า....
สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 พี่ยุ่นปี่ ได้ทิ้งลูกระเบิดเมืองไทย กระเด็นกระดอนไปมา ตกลงในเมืองแพร่ มีชาวบ้านตาสีตาสานำมาถวายเจ้าเมือง แต่ก็มิได้นำพา..ว่ามันคืออะไร นึกว่าเทวดาจากฟากฟ้าประทานของดีมาให้ เจ้าเมืองจึงสั่งให้ไพร่ฟ้าหน้าซื่อ มาร่วมกันแห่ของมีค่าเอิ่งเอย...เฉิบเฉิบกันทั่วเมือง เพื่อรับขวัญทำพิธี แต่ว่าอากาศหน้าร้อน ร้อนมากจนหมายังหอบแดด แฮ่กๆๆ จึงทำให้ระเบิดที่ขัดข้องเกิดทำงานขึ้นมา
ตูม!!! เดียว คณะแห่ระเบิดก็เข้าเฝ้าเง็กเซียนฮ่องเต้กันหมด...
เป็นโศกนาฏกรรมหมู่ ที่เล่าขานเป็นตำนานสืบต่อกันมา
ในช่วงวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ น้องชายที่คลานตามกันมา วีออส - อาคีระ รักษ์มีธรรม ขับรถมาทำธุระที่กรุงเทพฯ แล้วแงะผมออกจากห้องนอนแอร์เย็นฉ่ำบนคอนโด ชั้น 16 พร้อมข้อเสนอเด็ดดวง
“ไปเที่ยวแพร่ไหมว่ะ ไม่เคยไปไม่ใช่หรือ ฟรีหมด ทั้งกินและพัก ขากลับตูตีตั๋ววีไอพีให้กลับด้วย”
แค่นี้ผมก็หูผึ่ง กินฟรีอยู่ฟรีเที่ยวฟรี ตัดสินใจแค่นาทีเดียว รีบยัดของใส่กระเป๋าแจ้นมานั่งข้างคนขับ กว่ารถจะฝ่ารถติดวินาสสันตโรเมืองกรุงเข้าถึงแพร่ ก็ปาไปตี 4 น้องชายเปิดรีสอร์ตห้องใหญ่ให้นอนดั่งที่โอ่ไว้
“ มาแพร่คราวนี้ไปแค่ 4 ที่ก่อนก็แล้วกัน วัดพระธาตุโพธิสุทน แพะเมืองผี บ้านประทับใจ แล้วก็ไหว้พระธาตุช่อแฮ เชื่อเหอะ....แต่ละที่เจ๋งสุดแล้ว”
ตื่นสายหน่อยแต่ก็สดชื่น สารถีสุดเท่ก็ขับรถมารับไป วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรี ห่างจากอำเภอเด่นชัย 3 กิโลเมตร แค่เห็นไกลๆ ก็ดูอลังการมากเหมือนในหนังงบสร้างไม่จำกัดเงินบาท ของท่านมุ้ยเลยทีเดียว
ภายในวัดคือศาลาพิพิธภัณฑ์สร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง รูปทรงล้านนา ภายในจัดแสดงโบราณวัตถุมีค่าของหัวเมืองฝ่ายเหนือ เช่น พระพุทธรูป เครื่องเขิน เครื่องดนตรีล้านนา อาวุธโบราณ รูปภาพเจ้านายฝ่ายเหนือและภาพเหตุการณ์ในอดีตต่างๆ เช่น การประหารนักโทษด้วยดาบ ถ่ายแบบช็อตต่อช็อต ทั้งดาบหนึ่ง ดาบสอง และ ที่มีให้แปลกลูกตาอีกสิ่ง คือ มัคนารีผล เพศชาย-หญิง มีทั้งใบหน้า ลำตัว แขน ขา และ... ครบ
ทำบุญ ถ่ายรูป จนหนำใจ ก็ดอดเข้าเมืองต่อไปที่ บ้านประทับใจ (บ้านเสาร้อยต้น) ตั้งอยู่เลขที่ 59 หมู่ 13 ตำบลป่าแมต สร้างสำเร็จเมื่อปี พ.ศ. 2519 เป็นบ้านไม้สักทั้งหลัง โดยใช้ไม้สักท่อนขนาดใหญ่ ตั้งเป็นเสาบ้านรวม 130 ต้น แต่ละเสามีอายุประมาณ 300 ปี นานกว่ากรุงรัตนโกสินทร์ของเราอีก แกะสลักอย่างประณีตวิจิตรบรรจงทรงเครื่องใหญ่ ตัวบ้านเป็นแบบทรงไทยประยุกต์ มีเนื้อที่ถึง 1 ไร่เศษ เดินประทับใจกันจนเมื่อยตุ่ม
ที่กิ๊ปเก๋ยูเรก้า คือค่าเข้า 20 บาทถูกกว่าค่าโดยสารรถแอร์ยุคนายกหน้าหมู..อุ๊ปป!!! อีก แถมยังได้พวงกุญแจไม้แกะสลักเป็นที่ระลึก ประทับจิตสมชื่อบ้านจริงๆ
รุ่งเช้า...วันอาทิตย์ สายแล้วก็ยังนอนต่อ.... อย่าหวังว่าใครจะแงะออกจากผ้านวมนุ่มๆ ได้ เพราะแอร์กำลังเย็นฉ่ำได้ใจ นอนรีสอร์ตทั้งที่เปิดแอร์ไปเหอะ ต่ำว่า 25 องศา เป็นนิสัยเสียส่วนตัวห้ามลอกเลียนแบบเชียว
เกือบเที่ยงวัน ผ้าห่มผืนใหญ่ถูกกระชากออก พร้อมหมอนใบใหญ่ที่ฟาดลงมาไม่นับ “พั่บๆๆๆ”
“เฮ้ย...ตื่น..ตะวันส่องก้นแล้วโว้ย นอนเป็นหมูอิ่มรำอยู่นั้นล่ะ จะมาเที่ยวหรือมานอนกันว่ะ”
“เออ....จะไปไหนล่ะวันนี้ พ่อเลี้ยง”
“ไป แพะเมืองผีดีกว่า เย็นๆ หน่อย ค่อยไปไหว้พระธาตุช่อแฮ ซื้อม่อฮ่อมบ้านทุ่งโฮ่ง ส่วนน้ำตกตาดหมอก ถ้ำผานางคอย ไว้โปรแกรมหน้าค่อยมาแล้วกัน เดี๋ยวไม่ทันขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ”
“โห...พูดซะหรูเชียว เครื่องที่ว่าของมึ.. นี่มันเครื่อง 999 สายเอเซียหรือเปล่าว่ะ”
”สนามบินแพร่” มีจริงๆ นา แต่เห็นรกร้าง จนวัวจะเข้าไปเล็มหญ้าอยู่รอมร่อแล้ว เพราะที่นี่เคยบูมเรื่องการท่องเที่ยวที่ได้เปรียบจังหวัดอื่นมาก่อน แต่ระยะหลังผู้นำของจังหวัดอาจจะยุ่งเรื่องอื่น ทำให้สนามบินวันนี้เหลือเพียงสถานที่พร้อมใช้ ป้ายบอกชื่อเก๋ๆ แบบนี้เข้าข่ายมีศักยภาพแต่ขาดวิสัยทัศน์ ทำให้ไม่มีการพัฒนา
“แพะเมืองผี ไม่ใช่ผีนะ ภาษาท้องถิ่น คำว่าแพะ คือป่าละเมาะ ส่วนคำว่าผี แปลว่าเงียบเหงา วังเวง”
น้องชายพูดไปขับรถไป ตามเส้นทางหลวงสายแพร่-น่าน 18 กิโลเมตรจากตัวเมืองก็มาอยู่บนเนินหินทราย....
“เงียบฉี่.......หงุดหงิด ๆๆๆ ” ผมเริ่มทำเสียงร้องแข่งกับจิ้งหรีด จั๊กจั่น เข้ากับบรรยากาศ
เออ...สมกับเป็น แพะเมืองผีจริงๆ ใครหาช่องทางหนีแฟนที่ชอบไถ่เงิน มาที่นี่รับรองแฟนตามไม่เจอแน่
สถานที่นี้ได้ก่อตั้งเป็นวนอุทยานเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2524 บนเนื้อที่ประมาณ 500 ไร่ มีสภาพเป็นภูมิประเทศเป็นดินและทรายที่ถูกน้ำกัดเซาะตามธรรมชาติ เป็นรูปทรงลักษณะต่างๆ เช่น ดอกเห็ด หน้าผา ดูเร้นลับน่ากลัว และคงเหมาะสำหรับเป็นโลเกชั่นวิ่งหนีผีปอบ หรือเปิดกล้องบ้านผีเปิปภาค 2 จริงๆ
“ไป๊..“พระธาตุช่อแฮ” กันต่อดีกว่า นี่ไปเป็นครั้งที่ 6 แล้ว ใกล้จะครบ 9 ครั้ง แล้ว”
“อ่าว...แล้วทำไมต้องครบ 9 ครั้งล่ะ” คนฟังหน้าซื่อแต่หล่อลากอ๊วก ฉงนใจถาม
“ตูเกิดปีขาล พระธาตุช่อแฮ เป็นพระธาตุประจำของคนปีขาล นมัสการครบ 9 ครั้งจะได้ขึ้นสวรรค์ไง”
“อ่อ..อือ...” ได้ยินก็ถึงบางอ้อ จะว่าไปน้องชายผมก็ทำงานเหมือนเทวดานะ มีรถประจำตำแหน่ง เข้างานเวลาไหนก็ได้ เงินเดือนเกือบแสน ได้เที่ยวฟรีเมืองนอกทุกปีแบบไม่ต้องลุ้นฝาโออิชิ มีแฟนสวยระดับดาววิทยาลัย เราก็ได้แต่ทำใจ จะหล่อลากไส้หรือรวยวาสนา ก็ต้องเลือกเอา เหมือนอัสนี-วสันต์ ไง ที่ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง เพลงซึ้งแบบไม่ต้องพึ่งใบหน้าหากิน
“พระธาตุช่อแฮ” ปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ตามตำนานที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องแห่ระเบิดกล่าวว่า ในสมัยพระมหาธรรมราชาธิราช (ลิไท) สร้างโดย ขุนลัวะอ้ายก๊อม เจ้าเมืองลาว พระธาตุประดิษฐานพระเกศาธาตุ และพระบรมสารีริกธาตุพระศอกซ้ายของพระพุทธเจ้า
เจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม ย่อมุมไม้สิบสอง ศิลปะเชียงแสน สูง 33 เมตร ฐานสี่เหลี่ยมกว้างด้านละ 11 เมตร สร้างด้วยอิฐโบกปูนหุ้มด้วยแผ่นทองเหลืองลงรักปิดทอง สำหรับชื่อพระธาตุช่อแฮนั้น บ้างว่าได้มาจากชื่อผ้าแพรชั้นดีซึ่งทอจากสิบสองปันนา และชาวบ้านนำมาผูกบูชาพระธาตุ แต่ว่าในวันที่ไป ตัวพระธาตุกำลังปรับปรุงอยู่
บริเวณทางเข้าพระธาตุ มีซุ้มของหลวงพ่อทันใจ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ปางสมาธิ ด้านหลังซุ้มมีไม้เสี่ยงทายใช้แทนไม้เซียมซี หากต้องการสิ่งใดก็นำไม้เสี่ยงทายมาทาบกับช่วงแขนเหยียดให้สุดพลัง แล้วทำเครื่องหมายไว้ อธิฐานขอพรต่อพระเจ้าทันใจ หากสำเร็จขอให้ความยาวของตนเลยจุดที่ทำเครื่องหมายไว้ แต่ถ้าไม่สมหวัง ก็คงต้องไปหาซื้อ “ยาทัมใจ” มากินแทนแล้วกัน
“ขอให้รวย มีโชคถูกหวย ร่างกายแข็งแรง เจ้านายรัก โบนัสดี ” ขอๆๆเข้าไป เพี้ยง...ให้ได้อย่างใจคิดเถิด
“เฮ้ย...เห็นไหว้นานแล้วนะ...จะกลับกรุงเทพฯ ไหมนี่” น้องชายเข้ามาสะกิด
ยกนาฬิกาขึ้นดู เกือบ 6 โมงเย็นแล้ว ต้องขึ้นเครื่อง 999 สายเอเซีย แล้วดิ....
ทริปนี้...ต้องขอบใจน้องชายตัวดี พากินพาเที่ยวประทับใจ แต่กลับหงุดหงิด เพราะนั่งรถเมล์ 70 ที่นั่ง แทนรถวีไอพี แถมยังนั่งหลังสุดอีก ไหนไอ้น้องชายตัวดีบอกตีตั๋วกลับ 24 ที่นั่งไฮโซเลิศๆให้ไง นี่มันรถเมล์ เกรดซี แบบไม่ต้องเหยียดขา นั่งอั้นฉี่ กั้นตด ห้องน้ำก็ไม่มี และที่นรกสุดๆ คือแอร์เสียอีก ผมก็โวยวายขึ้นมาทันที
“ตั๋ววีไอพีหมด เลยได้รถเสริมมา ขึ้นไปเหอะถึงกรุงเทพเหมือนกัน หรือไม่อยากกลับไปทำงานว่ะ”
เฮ้อ...ได้แต่ถอนใจ....จริงอย่างว่า ไอ้ผมเองก็เรื่องมากไปอย่างนั้นล่ะ ของฟรีบางครั้งไม่ดีก็เยอะ ลำบากกว่านี้ก็เคยมาแล้ว แต่สองวันนี้ก็สนุกเพลิดเพลินตาดี กับเมืองเล็กๆ ที่น่ารัก ไว้จะกลับมาเที่ยวฟรีให้ครบโปรแกรมอีกนะ...ไอ้น้องชาย.

ไม่มีความคิดเห็น: